วันอาทิตย์ที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2557

หุ้น 6 ประเภทของ ปีเตอร์ ลินซ์



5 คำแนะนำการลงทุนในหุ้น และ Economic Moat กับความได้เปรียบทางการแข่งขันของบริษัท
การจะค้นพบบริษัทที่มีประสิทธิภาพที่เหนือกว่าบริษัททั่วไปนั้น นักลงทุนจะต้องทำการบ้านหนักพอสมควรในการวิเคราะห์ข้อมูลที่เกี่ยวกับบริษัท ประกอบกับนักลงทุนบางคนอาจมองว่าการลงทุนด้วยตัวเองจะทำให้ไม่สามารถกระจายความเสี่ยงของพอร์ตได้เท่าที่ควร ทางออกนักลงทุนเหล่านี้เลือกจึงเป็นการลงทุนในกองทุนรวมที่ลงทุนในหุ้นแทนการลงทุนในหุ้นรายตัว อย่างไรก็ตามหากนักลงทุนต้องการจะเพิ่มพอร์ตการลงทุน

1. มองหาบริษัทที่มี Wide Moat (Moat ในที่นี้หมายถคงความได้เปรียบทางการแข่งขันของบริษัท)

มาดูคำว่า Economic Moat กันก่อน คำนี้เป็นคำตั้งขึ้นโดย วอร์เรน บัฟเฟตต์ ซึ่งเป็นตัวบ่งบอกว่าบริษัทที่มีความสามารถในการแข่งขัน (Competitive advantage) มากน้อยและยั่งยืนเท่าใด บริษัทที่มี Wide Moat มักอยู่ในอุตสาหกรรมที่มีความได้เปรียบในการทำกำไร และเป็นบริษัทที่มีปัจจัยทางโครงสร้างที่ทำให้ได้เปรียบคู่แข่งในระยะยาว บริษัทเหล่านี้จึงเป็นบริษัทที่นักลงทุนสามารถที่จะคาดการณ์ผลกำไรอนาคตได้ อีกทั้งบริษัทจะมีผลตอบแทนของเงินทุน (Return on Capital) ที่สูงกว่าต้นทุนของเงินทุน (Cost of Capital) และสามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างยั่งยืนในระยะยาว

ข้อได้เปรียบของบริษัทที่มี (Wide Moat) นั้นคือ มีความเป็นไปได้สูงที่เมื่อเวลาผ่านไปมูลค่าที่แท้จริงของบริษัทจะเพิ่มขึ้นและทำให้มูลค่าในส่วนของผู้ถือหุ้นเพิ่มตามไปด้วย พูดได้ว่าเวลาเป็นตัวช่วยส่งเสริมบริษัท

2. ลงทุนเฉพาะในหุ้นที่เห็นว่ามี Margin of Safety

ในการซื้อหุ้น แทนที่เราจะซื้อหุ้นตามคนส่วนใหญ่ เราควรซื้อหุ้นที่เราเห็นว่าราคาตลาดขณะนั้นต่ำกว่ามูลค่ายุติธรรม (Fair Value) หรือมูลค่าที่แท้จริงที่เราประเมินไว้ การซื้อหุ้นแบบนี้ ส่วนต่างของราคาที่จ่ายกับมูลค่าที่แท้จริงของหุ้นที่ได้รับจะถือเป็นกำไรของนักลงทุน ที่เรียกว่า Margin of Safety โดยนักลงทุนไม่จำเป็นต้องคำนึงเรื่องทิศทางโดยรวมของตลาดหุ้นเพราะไม่มีใครสามารถคาดการณ์ตลาดได้ถูกต้องตลอดเวลา

ดังนั้นในการซื้อหุ้นนักลงทุนควรต้องฝึกฝนอย่างมีวินัยและต้องไม่กลัวว่าจะพลาดโอกาสหากไม่ซื้อหุ้นในช่วงที่ตลาดขึ้น ความอดทนจึงถือเป็นสิ่งที่สำคัญมากสำหรับนักลงทุน เนื่องจากหุ้นดีๆ อาจต้องใช้เวลาหลายเดือนหรือนานกว่านั้นที่จะแสดงให้เห็นถึงมูลค่าที่แท้จริง

3. อย่ากลัวที่จะถือเงินสด

การถือเงินสดนั้นเปรียบเหมือนการมีทางเลือกที่จะหาประโยชน์จากความผันผวนของตลาด มูลค่าของทางเลือกนี้จะเพิ่มขึ้น เมื่อความผันผวนของตลาดมากขึ้น นั่นคือภาวะที่ตลาดมีความผันผวนนั้นอาจเปิดโอกาสให้นักลงทุนเข้าซื้อหุ้นในบริษัทที่มี Wide Moat ที่ราคาตลาดได้ปรับตัวลดลงได้ทันที เนื่องจากนักลงทุนมีเงินสดในมืออยู่แล้ว

4. อย่ากลัวที่จะถือหุ้นเพียง
นักลงทุนควรจะเตือนตัวเองเสมอว่าความเสี่ยงจะเพิ่มขึ้นหากพอร์ตมีการกระจุกตัวมากเกินไป เว้นไว้เสียแต่ว่านักลงทุนจะลงทุนตามวิธีต่อไปนี้

● ซื้อหุ้นบริษัทที่มี Wide Moat เท่านั้น ซึ่งมูลค่าที่แท้จริงจพะเพิ่มขึ้นตามเวลา
● ซื้อหุ้นเหล่านั้น เมื่อราคาต่ำกว่ามูลค่ายุติธรรม (Margin of Safety)
● ระยะเวลาการลงทุนควรมีอย่างน้อย 3 ปี สำหรับการลงทุนในหุ้นแต่ละตัว และต้องไม่ลืมว่าหุ้นอาจใช้เวลาสักระยะกว่าที่ตลาดจะสะท้อนมูลค่าที่แท้จริงของบริษัท

ถ้านักลงทุนไม่ทำตามวิธีสามข้อนี้ในหุ้นทุกตัวที่ซื้อ นักลงทุนอาจต้องกระจายความเสี่ยงของการลงทุนในพอร์ตให้มากขึ้น

5. อย่าซื้อขายบ่อย

ถ้านักลงทุนใช้วิธีที่กล่าวมาข้างต้นนี้ นักลงทุนก็ไม่จำเป็นต้องซื้อขายบ่อยเพราะได้ลงทุนเฉพาะในบริษัทที่มีลักษณะ Wide Moat ซึ่งมีความได้เปรียบทางการแข่งขันในระยะยาว และสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ผู้ผู้ถือหุ้นไปเรื่อยๆ เนื่องจากมูลค่าที่แท้จริงของบริษัทมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง หุ้นลักษณะนี้จึงเหมาะกับการลงทุนแบบซื้อแล้วถือไว้ (buy-and-hold) มากกว่า

ที่มา : www.morningstarthailand.com




ไม่มีความคิดเห็น: